ประวัติของกริช
|
เมื่อประมาณ 300 ปีเศษในเกาะชวา อินโดนีเซีย มีเจ้าเมืองเมืองหนึ่งได้จัดทำกริชขึ้นเจ้าเมืองบังคับให้ช่างกริชทุกคน |
ส่งกริชเข้าประกวดเมื่อถึงกำหนดวันแข็งขันกรรมการผู้ตัดสินกริชสำรวจรายชื่อช่างตีกริชทั้งหมดปรากฏว่ามีช่างผู้หนึ่งไม่ได้ |
ส่งกริชประกวดเจ้าเมืองจึงให้ทหารไปเอาช่างผู้นี้มาเมื่อช่างผู้นี้มาถึงวังก็มอบกริชของตนให้กรรมการพิจารณา |
ลักษณะด้ามทำด้วยเหง้าไม้ไฝ่ฝักทำด้วยกากหมาก ทำให้เจ้าเมื่องโกรธเพราะกริชไม่สวยเหมือนช่างกริชคนอืนๆ |
ที่ประดับกริชค้วยทองเพรชพลอยอย่างสวยงามเจ้าเมืองก็เอากริชที่ไม่สวยนี้โยนทิ้งในสระน้ำ้และเนรเทศช่างผู้ทำออกจากเมือง |
ก่อนออกจากเมืองนั้นช่างผู้นี้ได้กล่าวกับเจ้าเมืองว่ากริชที่ดีนั้นไม่ได้อยู่ที่เครื่องประดับตกแต่งแต่อยู่ที่ความขลังหรือศักดิ์สิทธ |
วันรุ่งขึ้นเจ้าเมืองได้พบปลาขนาดใหญ่ในสระลอยพร้อมมีกริชปักอยู่เมือนำปลายขึ้นมาดปรากฏว่าเป็นกริชที่เจ้า |
เมื่อขว้างทิ้งเมื่อวานเมื่อเจ้าเมื่องนึกคำพูดของช่างกริชรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ได้เนรเทศช่างคนสำคัญเมื่อช่างตีกริชได้มาถึง |
ปัตตานีก็เดินทางมาถึงเมื่องรามันและพักอยู่ที่นั้นจนเจ้าเมื่องรามันทราบเรื่องราวจึงให้ช่างผู้นี้ตีกริชให้ดูสักเล่มเมื่อทำเสร็จเจ้า |
เมือได้ดูมีความประทับใจเป็นอย่างยิ่งจึงยกย่องช่างผู้นี้ปาแนซาเฆาะ หรือนายช่างผู้ยิ่งใหญ่ปาแนซาเฆาะได้ |
ถ่ายทอดรูปแบบและเทคนิคในการตีกริชแก่ลูกศิทย์จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาตั้งแต่นั้นมาและได้เสื่อมความนิยมการใช้กริช |
เมื่อมีการออกกฏหมายห้ามพบพาอาวุธในที่สาธารณะปัจจุบันมีช่างกริชกลุมหนึ่งได้รื้อเฟื้อนศิลปะการทำกริชโบราณให้ |
มีความนิยมทำเป็นสินค้าotop ประเภทหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน |